ภายในงานเปิดตัว iPhone 14 Series มีสิ่งใหม่เปิดตัวออกมาเพียบ ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอที่การแสดงผลดีขึ้น Super Retina XDR แบบ OLED มาพร้อม เทคโนโลยี ProMotion อัตรารีเฟรชปรับได้สูงสุด 120Hz กล้องความคมชัดมากขึ้น ชิปประมวลผลใหม่สุด A16 Bionic ที่มีเทคโนโลยีแบบ 4 นาโนเมตร, CPU แบบ 6‑core, Neural Engine ทั้งแรงและตอบสนองดีกว่าเดิม
แต่สิ่งนึงที่คนตัดสินยากที่สุดคือเรื่องสีฝาหลัง ในรอบนี้มีสีใหม่ทั้งในฝั่งของ iPhone14 และ iPhone14 Pro ซึ่งแน่นอนว่าถ้ากำลังหาเคสที่เข้ากับมือถือใหม่ของเรา สีตัวเครื่องก็มีผลต่อความสวยงามเช่นกัน
โดยเริ่มจาก iPhone14 ขนาด 6.1 นิ้ว และ iPhone14 Plus ขนาด 6.7 นิ้ว มีทั้งหมด 5 สี Starlight, Midnight, Blue (เฉดสีใหม่), Purple (เฉดสีใหม่) และ (Product)RED ตัวเครื่องเป็นอะลูมิเนียม และใช้กระจกหน้าจอเป็น Ceramic Shield ดีไซน์กล้องด้านหลังมาในแนวทแยง เหมือนรุ่นก่อนหน้านี้
ส่วนในฝั่งของ iPhone14 Pro ขนาด 6.1 นิ้ว และ iPhone14 Pro Max ขนาด 6.7 นิ้ว มีทั้งหมด 4 สี Space Black, Silver, Gold และ Deep Purple (สีใหม่) ตัวเครื่องใช้สแตนเลสสตีล ด้านหลังเป็นกระจกผิวด้าน ดีไซน์กล้องด้านหลังมาในแนวทแยง เหมือนรุ่นก่อนหน้านี้
เอาหล่ะคราวนี้เราจะรู้ได้ไงว่าเครื่องสีใหม่ เหมาะกับเคสสีอะไร เลือกผิดสีโทนไม่เหมาะกันจะเสียเงินฟรีๆไปซะเปล่า ทาง RhinoShield เขาจึงให้ให้กดเลือกที เทียบสี ปรับแต่งเคสจนกว่าจะถูกใจ ขั้นตอนและวิธีการไม่ยากเลยสามารถทำได้เองผ่าน https://shop.rhinoshield.co.th/shop/apple หลังจากนั้นเลือกรุ่นที่เป็นเป้าหมาย เพราะหากเลือกผิด ขนาดตัวเครื่องก็มีผล สีเครื่องที่ไม่ตรงกับรุ่นที่ซื้อก็อาจจะพลาดได้ง่ายๆ
เคสของ RhinoShield มีทั้งหมด 3 รุ่น ประกอบด้วย
- Clear เคสใสกันกระแทก
- SolidSuit เคสปกป้องรอบตัวเครื่อง
- Mod NX เคส Bumper + แผ่นด้านหลัง
แต่ละรุ่นมีความโดดเด่น และ การปรับแต่งที่ไม่เหมือนกัน โดยรุ่นที่ iNewch ชอบที่สุดคือรุ่น Mod NX เพราะตัวเคสมีความยืดหยุ่นสูงสิ่งนี้เรียกว่า ShockSpread ซับแรงกระแทกได้ดีขึ้นราว10% และยังสามารถซื้อแยกเพื่อเปลี่ยนเป็นสีอื่นๆในภายหลังได้ โดยกดที่คำว่า CrashGuard NX มีให้เลือกทั้งหมด 12 สี
เคสรุ่น Mod NX เคส Bumper + แผ่นด้านหลัง สามารถปรับแต่งปุ่มกดด้านข้างได้อย่างอิสระ จะเลือกสีที่ชอบเพียงสีเดียวก็ทำได้ หรือ สั่งซื้อแบบ Button Bundle Pack มีให้เลือกใช้ทั้งหมด 16 สี
เคสรุ่น SolidSuit เคสปกป้องรอบตัวเครื่อง รุ่นนี้เป็นสไตล์แบบที่เราคุ้นตากัน ฝาด้านหลังจะเป็นแบบทึบแสง ไม่สามารถมองทะลุไปยังสีของตัวเครื่องได้ แต่แลกมากับการใช้งานที่ง่ายด้วยความยืดหยุ่นสูง บิดโค้งได้และซับแรงกระแทกได้ดีเช่นกัน ด้วยการดีไซน์แบบรังผึ้งรอบตัวเคส สีสันที่เราเลือกได้คือสีที่เป็นโทนเดียวกับ iPhone รุ่นนั้นๆ เรียกได้ว่าจะใช้เทคนิคนี้เปลี่ยนสีไอโฟนของเราให้ถูกโฉลกก็ทำได้ง่ายๆโดยไม่ต้องซื้อเครื่องใหม่
ปิดท้ายด้วยรุ่น Clear เคสใสกันกระแทก
เคสรุ่นนี้ทำให้สีเดิมของ iPhone เราดูโดดเด่นที่สุด เพราะใสทุกด้านทุกมุมมอง ตรงบริเวณกรอบเลนส์สามารถเปลี่ยนสีสันได้ 8 สี และเคสรุ่นนี้ก็ยังสามารถเลือกลวดลายได้เช่นกัน ลายส่วนใหญ่จะเป็นแบบมองทะลุได้ วัสดุที่ใช้จะค่อนข้างแข็งกว่าเมื่อเทียบกับ2รุ่นก่อนหน้า แต่แน่นอนว่าใช้กันกระแทก กันรอยขีดข่วนได้เหมือนเดิมแน่นอน ใครอยากได้สัมผัสแบบแน่นๆมือรุ่นนี้เหมาะมากครับ
สรุปแล้วจะเลือกรุ่นไหนให้เหมาะกับ iPhone ของเราดี
เคสแต่ละรุ่นจะรองรับ Magsafe เหมือนกันเพราะฉะนั้นข้อนี้ไม่แตกต่างกันในเรื่องการใช้งาน ถ้าชอบการชาร์จไร้สายเพิ่มตัวเลือกนี้เข้าไปได้เลย แม่เหล็กที่ตัวเคสจะดูดตัวชาร์จของ Apple ได้แน่นมาก ไม่ต้องกลัวหล่น แต่หากใช้อุปกรณ์แม่เหล็กทั่วไปที่ไม่รองรับ Magsafe ตัวดูดจะไม่แน่นเท่านี้ อาจทำให้อุปกรณ์หล่นเสียหายได้
เคสแต่ละรุ่นสามารถเลือกลวดลาย Collab ที่ถูกลิขสิทธิ์ได้ ไม่ว่าจะเป็นโลโก้ ตัวละครในภาพยนต์ หรือลวดลายที่ RhinoShield ออกแบบเองก็มีให้เลือกมากกว่า 1000 รูปแบบ
แต่หากว่าคุณอยากมีเคสที่มีลวดลายของตัวเอง จะใช้เป็นลายบริษัท ลายทีมงาน รูปภาพครอบครัว สามารถทำเองได้โดยใช้ไฟล์รูปภาพ JPG ขนาด 4MB ได้เลย ถ้าไม่มีรูปภาพจะใช้เป็นการออกแบบตัวหนังสือก็สามารถทำได้เช่นกัน เครื่องมือในการออกแบบลายก็ไม่ยาก คล้ายๆกับการแต่งรูปใบนึงเลยก็ว่าได้ ซึ่งการทำลวดลายเองก็ไม่ได้ทำให้ตัวเคสราคาแพงแบบเอื้อมไม่ถึงขนาดนั้น จัดเต็มทุกอย่างสรุปแล้วราคา 1,920 บาท (เคส Mod NX + Magsafe) สำหรับรุ่น iPhone14 Pro Max
ส่วนอุปกรณ์เสริมอื่นๆไม่ว่าจะเป็นตัว GRIPMAX ก็มีให้เลือก 2 รูปแบบคือ ติดกาว กับ Magsafe สิ่งนี้มีเพื่อให้เราถือจับมือถือได้แน่นมือมากขึ้น มีตัวเกี่ยวนิ้วมาให้ และยังสามาถใช้เป็นขาตั้งมือถือได้ในตัว ลวดลายเลือกได้ หรือจะออกแบบลวดลายด้วยตัวเองก็ทำได้เช่นเดียวกันครับ
อุปกรณ์ปิดท้าย ถ้าจะกันกระแทกกันรอยสิ่งนี้ต้องมีควบคู่ไปด้วยนั่นคือ ฟิล์มกันรอย 3D impact มาพร้อมกับกรอบช่วยติดตั้งฟิล์ม สะดวก ง่าย แม้มือใหม่ก็ติดได้ มีให้เลือกทั้ง 3 รุ่น คือ Transparent / Matt / Privacy
Transparent แบบใส ขอบโค้ง 3 มิติ โค้งรับกับหน้าจอ ติดตั้งง่าย รูปแบบนี้น่าจะคุ้นตากันมากที่สุด เพราะส่วนใหญ่ร้านจะแนะนำแบบนี้ ผู้ใช้จะคุ้นเคยกับหน้าจอแบบเดิมมากที่สุด
Matt แบบด้าน ป้องกันแสงสะท้อนจากหน้าจอ ผิวสัมผัสจะออกด้านๆหน่อย ได้ความรู้สึกคล้ายๆกับการรูดผ่านกระดาษ หลายคนชอบเพราะเวลาใช้งานแล้วเลื่อนฟีดบนแอพจะได้สัมผัสว่าเหมือนเลื่อนถูผ่านจริงๆมากกว่าแบบอื่น
Privacy แบบกันมองเพิ่มความเป็นส่วนตัว หน้าจอจะทึบแสงเมื่อมองจากมุม 45 องศาขึ้นไป อธิบายง่ายๆคือแค่นั่งข้างๆกันแล้วแอบมองจอ มองไม่เห็นจริงๆว่าหน้าจอแสดงผลอะไร คล้ายๆกับคนที่กำลังเล่นมือถืออยู่เขาล็อคปิดหน้าจอไปอย่างนั้นเลย ช่วยปกป้องหน้าจอและข้อมูลสำคัญจากคนรอบข้างได้อย่างปลอดภัย
ฟิล์มทุกรูปแบบที่ยกตัวอย่างมีข้อดีก็คือเวลางอหรือตั้งใจให้หักให้แตก สำหรับ 3D impact บอกเลยว่าคุณไม่สามารถทำให้มันแตกได้ เพราะตัวฟิล์มนั้นวัสดุมีความยืดหยุ่นสูงมาก ต่อให้บีบยังไงก็ไม่เสียหาย มั่นใจได้ว่าใช้งานไปแล้วจะป้องกันหน้าจอของเครื่องแน่นอน
ไม่ว่าจะเป็นชิ้นไหน เคสไหน ฟิล์มไหน อุปกรณ์เสริมแบบไหน สามารถเข้าสั่งซื้อผ่านหน้าเว็บได้เลย https://rhinoshield.co.th/ จัดส่งฟรีเมื่อมียอดขั้นต่ำ 1,400 บาท สามารถใช้โค้ดพิเศษส่วนลดไปอีก 15% โดยพิมพ์ว่า ” INEWCHH22 ” ใช้ได้วันนี้ – 31 มีนาคม 2566 หรือคลิกลิงก์รับส่วนลดได้เลย https://url.rhinoshield.co.th/MagSafe/iNewCh