สิ้นสุดการรอคอย วันนี้พวกเรา iNewch จะมารีวิว Infinix Note 8 ที่เรียกได้ว่าจัดเต็มรอบด้านทั้งความจุ ความเร็ว ความแรง และมาในหน้าจอที่ใหญ่เต็มมือเอาในสายหนัง สายเกม หรือเรียกได้ว่าจะทุกสาย แถมยังมาในราคาสุดคุ้ม ที่กำเงินเพียง 4,590บาท ก็สามารถเป็นเจ้าของได้ ว่าแล้วเราก็มาดูรีวิวกันเลยค่ะ
Unboxing
อุปกรณ์ภายในกล่อง
- เครื่อง Infinix Note 8 สี
- เคสซิลิโคลนเเบบใสนิ่ม
- ฟิมล์กันรอย
- สายชาร์จ Micro USB
- Adapter Fast Charg 18W
Infinix Note 8
เริ่มด้วยหน้าจอกว้างมากขนาด 6.95″ น้ำหนักเครื่องอยู่ที่ 209g แสดงผลบนหน้าจอ IPS-LCD (HD+) บนความละเอียด 720 x 1640 พิกเซล ความชัดพอใช้ได้ จอสว่างไม่มากสู้แสงได้นิดหน่อย พร้อม Refresh Rate 60 Hz และเจาะกล้องหน้าคู่แบบ Dual Punch hole (16MP) รูปทรงวงรี ส่วนขอบหน้าจอก็พอๆกับมือถือทั่วไป แต่ไม่ได้เป็นปัญหาเพราะหน้าจอที่ให้มานั้นกว้างมาก
ฝาหลังเป็นสีฟ้า เล่นแสงและเงาสะท้อนเป็นสีฟ้าอมชมพู มาพร้อมโมดูลกล้องที่ไม่บางมากและก็ไม่หนามาก แต่ไม่ต้องกังวลว่าจะเป็นรอยเพราะเคสที่ให้มานู้นกว่าโมดูลกล้อง และเพิ่มลูกเล่นด้วยโลโก้ Infinix ที่มุมล่างซ้าย
ถัดมาที่ด้านข้างกันบ้าง ขอบรอบตัวเครื่องจะเป็นสีเงินเงาๆ เริ่มจากข้างขวาของเครื่องเป็นปุ่มเปิดปิดหน้าจอแบบ Fingerprint ที่แกนไวมากและมีที่ล็อคปุ่มกัดสำหรับคนที่ไม่ได้สร้างสแกนนิ้วไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้เวลาใส่กระเป๋าและไปโดนปุ่ม
ส่วนด้านซ้ายจะมีปุ่มเริ่มที่ด้านบน จะเป็นช่องใส่ซิมแบบ 3 Slot (2 SIM Card + 1 MicroSD) รองรับ 4G และถัดมาเป็นปุ่ม เพิ่ม/ลด เสียง เหมือนกับมือถือทั่วไป
ขอบเครื่องด้านล่างจะมีทั้งหมด 3 ช่อง ช่องแรงนับจากทางด้านซ้ายจะเป็น ช่องเสียงหูฟัง Mini Jack 3.5mm. ถัดมาช่องกลางเป็นช่องชาร์จ Type-C และช่องสุดท้ายคือช่องลำโพง
กล้อง
กล้องหน้าคู่แบบ Dual Punch hole ความละเอียด 16MP รูปธรรมดาก็ชัดอยู่พอตัว เมื่อเพิ่ม HDR เข้าไปยิ่งทำให้องค์ประกอบทั้งตัวแบบและตึกอาคารก็มีสีสันมากขึ้น ในส่วนของภาพถ่ายบุคคลก็ตัดขอบได้ดีประมาณหนึ่ง แต่ถ้าต้องการภาพที่ดีตัดขอบเนียนๆ อาจจะต้องค่อยๆ ถ่ายหน่อย และสิ่งที่จะทำให้ทุกคนประหลาดใจนั้นก็คือ…แฟรชกล้องหน้าแบบไฟสองดวง สวยในที่มืดแบบไม่หลอกตา
กล้องหลัง 4 ตัว ที่มาพร้อม AI Quad Camera โดยกล้องหลักมีความละเอียดที่ 64MP(f/1.7) ที่ถ่ายออกมาได้คมชัดสุดๆ และถึงแม้ไฟล์ภาพจะใหญ่ แต่ก็ไม่เป็นปัญหาเวลากดดูรูป และสำหรับ HDR ก็สามารถเก็บแสงได้ดี เมฆเป็นเมฆ เพิ่มไฮไลท์ให้กับตัวอาคารและคน แต่สีท้องฟ้าก็จะดรอบลงเล็กน้อย
เลนส์ Portrait ความละเอียด 2MP ถ่ายรูปปั้น ถ่ายคน ไม่ว่าจะถ่ายอะไรก็เรียกได้ว่าทำหน้าชัดหลังเบลอออกมาได้ดี เร็วดี และเนียนดี รายละเอียดตัวภาพก็ยังคงความชัดได้ดีอีกด้วย
เลนส์ Macro ความละเอียด 2MP สีสันดีกว่าเลนส์มาโครในมือถือทั่วไป เก็บรายละเอียดได้ดีประมาณหนึ่ง ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับฝีมือคนถ่ายด้วยนะคะ ถ้ารีบมากๆก็อาจจะไม่ได้ชัดดั่งใจหวัง
ตบท้ายด้วยการถ่ายภาพ Night Mode ในภาพจะเห็นได้ว่าการถ่ายภาพในโหมด Auto (รูปภาพทางซ้าย) ก็ทำได้ดี แต่ทั้งแสงและเงายังคงหลุดไปอยู่ทำให้ภาพดูจืดๆ ไป ส่วนอีกภาพที่ถ่ายด้วยโหมดกลางคืน (รูปภาพทางซ้าย) จะสังเกตุได้ว่า ภาพดูสว่างมากขึ้น ไฮไลท์ก็ทำได้ดี ทำให้ทั้งนางแบบทั้งฉากหลังทำสีสันออกมาได้ดูดีเลยทีเดียว
VIDEO สามารถถ่ายวิดีโอได้ไฟล์ภาพสูงสุดที่ 2K:30FPS ไม่มีกันสั่น สำหรับการวัดแสงก็ถือว่าทำได้ดี เฉลี่ยแสงจากจุดที่สว่างก่อนจึงทำให้ตรงที่เป็นเงามืดหรือที่ๆวัดแสงยากๆ ยังสว่างไม่มากพอ และการถ่าย โหมดสั่นพิเศษได้สูงสุด 1080P:30FPS ซึ่งจะเห็นได้ชัดเลยว่าวิดีโอที่ถ่ายออกมาสมูทลื่นไหลมาก แต่รายละเอียดของภาพจะดรอปลงเล็กน้อย สิ่งสุดท้ายที่จะพูดถึงคือการถ่ายวิดีโอ Partrait ถ่ายได้สูงสุด 720P:30FPS เอาไว้ถ่ายขำๆ (ดูเพิ่มเติมที่ลิ้งค์ด้านล่างได้ค่ะ)
ระบบปฎิบัติการ
ชิปเซ็ต Helio G80 พร้อมระบบปฏิบัติการ X OS บนพื้นฐาน Android 10 ให้ความจุ RAM แบบ LPDDR4X ขนาด 6GB + ROM eMMC 5.1 ขนาด 128GB การเลื่อนหน้าจอก็ลื่นไหลเหมือนกับมือถือทั่วไป
ในหน้าจอหลักเป็นการปัดซ้ายขวา แต่หากจะค้นหาหน้าแอพทั้งหมดหน้าจอจะเป็นแบบเลื่อนขึ้นเลื่อนลงเรียงตามตัวอักษร
มาพร้อมกับลำโพงสเตอริโอ 2 ตัวบนล่าง และยังมากับตัวปรับเสียงเอฟเฟค DTS (อยู่ในการตั้งค่า เสียงและการสั่น) ซึ่งสามารถเลือกเปิดหรือปิด เลือกโหมดเสียงต่างๆ ได้ ปรับแบบละเอียดได้แล้วแต่ความพอใจ
มาพร้อมกับแบตเตอรี่ 5200mAh สามารถชาร์จเร็วได้ 18W ใช้เวลาชาร์จเต็มจาก 0% – 100% ภายใน 2ชม. 20นาที โดยประมาณ แต่หากไม่ได้ใช้จนแบตหมดการชาร์จเต็มก็จะไม่ถึง 2ชม. ถือว่าเร็วมาก ทำดีมาก ในราคานี้
Game
สามารถปรับประสิทธิภาพการเล่นเกมและวิธีการแจ้งเตือนได้ในโหมดเกมที่การตั้งค่า และสำหรังผู้ปกครองที่มีบุตรหลานชอบเล่นเกมเป็นเวลานานๆ ก็สามารถเปิดโหมดป้องกันการติดเกมให้หยุดการเล่นมือถือแบบอัตโนมัติได้ โดยเลือกระยะเวลาที่เด็กๆควรเล่นตามที่ผู้ปกครองเห็นสมควร
สำหรับการเล่นเกม PUBG ก็สามารถปรับกราฟฟิกได้ในระดับ Ultra (สูงสุดFPS 40) ถือว่าเล่นได้ลื่นไหลในราคานี้ และสำหรับ ไจโรสโคป ก็อาจจะไม่ได้ลื่นไหลมากเท่า FPS สูง แต่ก็ไม่ได้กระตุกอะไร
สำหรับเกม ROV ก็สามารถปรับกราฟฟิกสูงสุดได้ที่ ภาพสูงมาก แต่ถ้าเล่นลื่นๆเลยให้เล่นที่ภาพสูง (FPS 30) การเล่นเกมนั้น ไม่ว่าจะเป็นการเดินเกม การกดซื้อของ การเข้าร้านค้า หรือว่าทีมไฟท์ ก็ลื่นไหลไม่น่าเป็นห่วงใดๆ และฟิวลิ่งในการทัชสกรีนก็ธรรมดาๆ ถ้าไม่ซีเรียสมากก็ถือว่าผ่านค่ะ
หลังจากที่เราได้ดูรายละเอียดการมาทั้งสเปคและการเล่นเกม ก็ทำให้ Infinix Note 8 ได้คะแนนจาก AnTuTU BenchMark ไปอยู่ที่ 194983 เรียกได้ว่าแจ่มมากในราคาไม่ถึงห้าพัน
สรุปสเปค
- หน้าจอมีขนาด 6.95” IPL-LCD ความละเอียดหน้าจอ HD+ (720 x 1640)
- CPU ที่ใช้ Helio G80
- GPU ที่ใช้ Mali G52 MC2
- RAM 6 GB ชนิด LPDDR4X / ROM 128 GB ชนิด eMMC 5.1
- กล้องหน้า Dual Punch hole ความละเอียด 16MP
- กล้องหลังหลัก ความละเอียดอยู่ที่ 64MP(f/1.7)
- กล้องหลังอีก 3 ตัว
- เลนส์ Portrait Lens ความละเอียด 2MP
- เลนส์ Macro ความละเอียด 2MP
- เลนส์ AI Lens with Quad
- ลำโพงแบบ Dual Speakers (DTS)
- รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด 1 MicroSD (256GB)
- รองรับเซ็นเซอร์การสแกนลายนิ้วมือที่ปุ่มด้านข้าง
- รองรับการปลดล็อกตัวเครื่องด้วยการสแกนใบหน้า
- รองรับ WiFi 2.4+5GHz / Bluetooth 5.0
- ระบบปฎิบัติการ XOS (Dolphin 7.1) บนพื้นฐาน Android 10
- แบตเตอรี่ขนาด 5200 mAh พร้อมรองรับระบบชาร์จเร็ว 18W
- น้ำหนัก 206g ขนาด 175.3*78.8*8.95 mm.
- สี Iceland Fantasy
ก็จบไปเเล้วนะคะสำหรับการ Infinix Note 8 ที่มาในราคาน้อย แต่ร้อยแรงม้า จัดเต็มทุกอฟชั่นสำหรับนักเล่นเกม ทั้งสเปคทั้งแบตเตอรี่ ก็เรียกได้ว่าเป็นมือถือรุ่นใหม่มาแรงที่น่าใช้ หากท่านใดสนใจก็สามารถหาซื้อกันได้ ในราคาเพียง 4,590 บาท ห้าพันยังมีทอน โดยวางจำหน่ายแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปที่ Lazada : https://bit.ly/358EH77
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่าน หากต้องการติดตามข่าวสารไอทีหรืออยากให้ทางทีมงานเพิ่มในเรื่องใด ก็สามารถคอมเม้นกันมาได้ที่ Facebook : iNewch หรือ Youtube : iNewch นะคะ
