วันพฤหัสบดี, 16 ตุลาคม 2568

Nothing Phone (3) ความจริงที่ร้อนแรงและฟีเจอร์ที่น่าสนใจ 🔥

ในช่วงเวลาที่ตลาดสมาร์ทโฟนเต็มไปด้วยดีไซน์ที่ซ้ำซากจำเจ การมาถึงของ Nothing Phone (3) จึงเปรียบเสมือนลมหายใจใหม่ที่สร้างความแตกต่างอย่างชัดเจน ด้วยปรัชญาการออกแบบที่โดดเด่นและฟีเจอร์ที่ไม่เหมือนใคร แต่ภายใต้ความแปลกใหม่นี้ มีอะไรที่น่าสนใจและควรพิจารณาบ้าง? บทความนี้จะเจาะลึกถึงทุกแง่มุมของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้จากการใช้งานจริงเป็นเวลา 2 สัปดาห์ เพื่อให้คุณเห็นภาพรวมทั้งหมดก่อนตัดสินใจ

Nothing Phone (3) ยังคงรักษาเอกลักษณ์ของแบรนด์ด้วยดีไซน์โปร่งใสและไฟ Glyph Interface ที่ด้านหลัง แต่มีการพัฒนาไปอีกขั้น เริ่มตั้งแต่สายชาร์จที่ยาวกว่ามาตรฐานทั่วไปถึง 100 ซม. พร้อมสกรีนคำว่า “Nothing” ลงบนพอร์ตชาร์จทั้งสองด้าน เข็มจิ้มซิมก็ถูกออกแบบใหม่ให้มีดีไซน์ที่แตกต่างจากแบรนด์อื่น ๆ ส่วนเคสใสที่แถมมาในกล่องก็มีผิวสัมผัสนุ่มและพอร์ตชาร์จที่ใช้งานง่าย

ฝาหลัง ของ Nothing Phone (3) ไม่ได้เป็นเพียงแค่ความสวยงาม แต่ยังเต็มไปด้วยลูกเล่นที่ซ่อนอยู่ ไฟแฟลชหรือไฟฉายถูกซ่อนอยู่ในดีไซน์เส้นกราฟิกด้านบน สามารถเปิดได้ 2 แบบ คือแบบปกติที่ให้แสงสว่างแรงและแบบ “หน้าจอจิ๋ว” ที่กระจายแสงสีขาวนวลทั่วทั้งจอ ให้แสงอ่อน ๆ ไม่แสบตา เหมาะสำหรับการหาของในที่มืด

อีกหนึ่งฟังก์ชันที่แปลกใหม่คือ ปุ่ม Essential Space ที่เป็นสี่เหลี่ยมสีแดงด้านหลัง ซึ่งทำหน้าที่เป็นหน้าจอขนาดเล็กที่สามารถแตะเพื่อเลื่อนดูข้อมูลต่าง ๆ เช่น เปอร์เซ็นต์แบตเตอรี่, เวลา, หรือแม้แต่ใช้เป็นเกมทอยลูกเต๋ากับเพื่อนในวงปาร์ตี้ และถ้ากดค้างไว้จะเป็นการบันทึกเสียงพร้อมแปลงเป็นข้อความอัตโนมัติ

ปุ่มกด ของรุ่นนี้กลับมาใช้ปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงแบบแยกจากกัน ซึ่งอาจจะดูสวนทางกับเทรนด์สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ๆ แต่ก็เป็นสิ่งที่ผู้ใช้งานหลายคนคุ้นเคย ขณะที่ปุ่ม Power ด้านบนมีขนาดใหญ่และใช้สำหรับเปิด/ปิดหน้าจอเท่านั้น โดยที่การสแกนลายนิ้วมือจะอยู่ที่หน้าจอ

ประสิทธิภาพและซอฟต์แวร์ที่โดดเด่น
Nothing Phone (3) มาพร้อมกับชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 8s Gen 4 ขนาด 4 นาโนเมตร ซึ่งให้ประสิทธิภาพที่ทรงพลัง แต่ก็พบปัญหาเรื่องความร้อนได้ง่าย โดยเฉพาะเมื่อมีการใช้งานกล้องถ่ายรูปและวิดีโอเป็นเวลานาน อย่างไรก็ตาม ตัวเครื่องสามารถจัดการอุณหภูมิได้ดีในระดับหนึ่งเมื่อนำไปพักในห้องแอร์ แต่หากใช้งานต่อเนื่องในที่ร้อน ๆ ก็อาจทำให้กล้องปิดตัวเองได้

ในส่วนของ Nothing OS 3.5.5 มีดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์และแตกต่างจากแบรนด์อื่น ๆ โดยมีหน้าตา UI และไอคอนที่ดูเรียบง่าย แต่ผู้ใช้ใหม่ ๆ อาจต้องใช้เวลาทำความคุ้นเคยบ้าง ฟังก์ชันที่น่าสนใจคือการแคปหน้าจอด้วย 3 นิ้วที่ถูกปิดไว้เป็นค่าเริ่มต้น แต่สามารถเข้าไปเปิดใช้งานได้ในการตั้งค่า

อย่างไรก็ตาม ซอฟต์แวร์ยังมีบางจุดที่ต้องปรับปรุง เช่น การบันทึกหน้าจอที่ไม่สามารถปรับความละเอียดได้ ส่งผลให้ได้ไฟล์วิดีโอที่มีความละเอียดต่ำเพียงแค่ 1280×576 พิกเซล และไม่คมชัดเท่าที่ควร

Nothing Phone (3) ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นสมาร์ทโฟนที่เน้นกล้องเป็นหลัก แต่กลับให้สเปคกล้องที่น่าทึ่ง โดยกล้องทุกตัวทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังมีความละเอียดสูงถึง 50 ล้านพิกเซล ซึ่งประกอบด้วยกล้องหลักที่มีระบบกันสั่น OIS และ EIS, กล้องมุมกว้าง 114 องศา, และกล้อง Periscope สำหรับการซูมแบบ Optical ได้ถึง 3x และ 6x ซึ่งให้ภาพที่คมชัดและสามารถใช้งานได้จริง

อย่างไรก็ตาม ซอฟต์แวร์กล้องยังคงมีปัญหาด้านความเสถียรอยู่บ้าง โดยเฉพาะในโหมดบุคคลที่บางครั้งภาพที่ถ่ายออกมาอาจดูมืดหรือจมไปกับฉากหลัง ทั้ง ๆ ที่สภาพแสงและสถานที่ไม่ได้เปลี่ยนไป นอกจากนี้ การถ่ายวิดีโอในโหมด 4K 60fps ยังมีข้อจำกัดเรื่องการสลับเลนส์ ซึ่งผู้ใช้จะต้องหยุดการบันทึกก่อนจึงจะสามารถเปลี่ยนเลนส์ได้

จุดที่น่าเสียดาย คือไม่มีฟีเจอร์ AI สำหรับการแก้ไขภาพ เช่น การลบคนหรือวัตถุ หรือการเปลี่ยนท้องฟ้า ซึ่งเป็นฟังก์ชันที่สมาร์ทโฟนในระดับราคาใกล้เคียงกันมักจะมีมาให้

Nothing Phone (3) มาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 5,150 mAh ซึ่งจากการใช้งานจริงสามารถอยู่ได้ตลอดทั้งวัน แม้จะมีการใช้งานหนัก เช่น การถ่ายรูปหรือวิดีโอต่อเนื่อง และยังรองรับการชาร์จเร็วสูงสุด 65W แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจคือตัวเครื่อง ไม่มีอะแดปเตอร์ชาร์จแถมมาให้ในกล่อง ทำให้ผู้ใช้ต้องหาซื้อเอง

นอกจากนี้ Nothing Phone (3) ยังมาพร้อมกับมาตรฐานการกันน้ำและกันฝุ่นระดับ IP68 ซึ่งหมายความว่าสามารถตกน้ำสะอาดที่ความลึก 1.30 เมตรได้ ทำให้ไม่ต้องกังวลเมื่อใช้งานในสถานการณ์ต่าง ๆ เช่น ในวันสงกรานต์

Nothing Phone (3) เป็นสมาร์ทโฟนที่โดดเด่นด้วยดีไซน์และฟีเจอร์ที่คิดมาอย่างแตกต่าง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความแปลกใหม่และไม่เหมือนใคร ตัวเครื่องมีสเปคที่ดีในหลาย ๆ ด้าน ทั้งหน้าจอ, ลำโพงคู่, และชุดกล้องที่ให้ความละเอียดสูง แต่ก็มีข้อจำกัดบางอย่างที่ผู้ใช้อาจต้องพิจารณา เช่น ปัญหาความร้อนและการทำงานของซอฟต์แวร์กล้องที่ยังไม่สมบูรณ์นัก

  • RAM 12 GB + ROM 256 GB: 27,999 บาท
  • RAM 16 GB + ROM 512 GB: 30,999 บาท

สรุปแล้ว Nothing Phone (3) เป็นสมาร์ทโฟนที่น่าสนใจมากสำหรับผู้ที่มองหาประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร แต่ก็ต้องยอมรับในข้อจำกัดบางประการที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้งานจริง