หากจะซื้อคอมพิวเตอร์หรือโน๊ตบุ๊คซักเครื่องหนึ่ง แน่นอนว่าเราก็ต้องศึกษาข้อมูล สเปคต่างๆ เพื่อเลือกซื้อให้ตรงกับการใช้งานของเราว่าเน้นใช้งานในด้านไหน เกริ่นมาขนาดนี้คงจะพอเดาได้แล้วมั้งว่าจะมารีวิวเกี่ยวกับอะไร โดยในวันนี้สิ่งที่เราจะมารีวิวก็คือ “ASUS VivoBook S413FQ (14)”
สเปคของ ASUS VivoBook S413FQ (14)
Brand : ASUS
Model : ASUS VivoBook S413FQ-EB047TS (14)
CPU : Intel Core i7-10510U 1.8 GHz (8M Cache, up to 4.9 GHz)
GPU : NVIDIA GeForce MX 350 (2GB GDDR5)
Display : 14.0″ FHD (1920×1080) IPS Anti-Glare
Memory : 8 GB DDR4 on board
Storage : 512 GB M.2 NVMe PCIe 3.0 SSD
OS : Windows 10 (64bit)
Camera : 720p HD camera
Connection Ports :
๐ 2 x USB 2.0 Type-A
๐ 1 x USB 3.2 Gen 1 Type-A
๐ 1 x USB 3.2 Gen 1 Type-C
๐ 1 x HDMI 1.4
Keyboard Type : Backlit Chiclet Keyboard
Sound Technology : Audio by ICEpower® Harmon/ Kardon
Bluetooth : Bluetooth 5.0
Wireless : Wi-Fi 6(Gig+)(802.11ax)+Bluetooth 5.0 (Dual band) 2*2
Battery : 42WHrs, 3S1P, 3-cell Li-ion
Dimensions : W x D x H : 32.40 x 21.50 x 1.79 cm.
Weight : 1.35 Kg.
Color : Indie Black, Transparent Silver, Hearty Gold
เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เรามาเปิดกล่องกันเลยดีกว่า กล่องดูมีความ Eco รักษ์โลกมาก ด้านหน้า ซึ่งด้านหลังของกล่องจะมีระบุรายละเอียดเกี่ยวกับตัวสินค้านิดๆ หน่อยๆ
เมื่อเปิดกล่องออกมาออกมา ก็จะเจอกับตัวโน๊ตบุ๊คที่อยู่ในซองผ้า ด้านล่างมีคู่มือการใช้งานและสติ๊กเกอร์ที่อยู่ในซองกระดาษ ส่วนด้านข้างจะเป็นสายชาร์จโน๊ตบุ๊ค ส่วนตัวอะแดปเตอร์ที่อยู่ด้านข้างกล่องนี้อย่างเด็ด เหมาะสำหรับการพกพาสุดๆ ไม่ใหญ่แถมเบาอีกต่างหาก
และนี้ก็คือโฉมหน้าของ ASUS VivoBook S413FQ (14) เรียบหรู ดูแพง มีความเป็นสไตล์มินิมอลเบาๆ ตัวเครื่องมีความบางเพียง 17.9mm วัสดุหลักที่ใช้คืออลูมิเนียมและพลาสติก
มอบประสบการณ์การรับชมที่เต็มตาด้วยขอบจอภาพบาง NanoEdge ความละเอียดสูง Full HD นอกจากนี้ยังมีหน้าจอแบบ Anti Glare (จอด้าน) ซึ่งจะช่วยลดแสงสะท้อนจากรอบข้างและทำให้ภาพในหน้าจอดูนุ่มนวลสบายตามากขึ้น สามารถดูจอภาพได้อย่างชัดเจนในมุมมองสูงสุดถึง 178 องศา
มีสีให้เลือกถึงสามแบบสามสไตล์กันเลยทีเดียว ได้แก่ สีดำ Indie Black สีเงิน Transparent Silver และสีทอง Hearty Gold ซึ่งสีที่เรานำมารีวิวในวันนี้คือสีดำ Indie Black นั้นเอง
อย่างที่รู้กันว่าเดี๋ยวนี้โน๊ตบุ๊คสมัยใหม่ส่วนมากจะโดนตัดพอร์ตบางอย่างออกไป ทั้งนี้เพื่อความสวยงามและทำให้เครื่องมีความบางมากขั้นนั้นเอง โดย ASUS VivoBook 14 มีพอร์ตดังนี้
- 2 x USB 2.0 Type-A
- 1 x USB 3.2 Gen 1 Type-A
- 1 x USB 3.2 Gen 1 Type-C
- 1 x HDMI 1.4
คิดว่าหลายคนน่าจะถูกใจคีย์บอร์ดของรุ่นนี้ แป้นพิมพ์เขามาพร้อมไฟ LED นอกจากนี้ตัวอักษรบนคีย์บอร์ดโปร่งแสง ยังสามารถปรับระดับความสว่างของแสงบนคีย์บอร์ดได้อีกด้วย (กด F7) แป้นพิมพ์ออกแบบมาให้กดแบบเบาๆ โดยระยะการกดอยู่ที่ 1.4mm เพียงแค่กดเบาๆ แบบไม่ลึกมากก็เป็นคำสั่ง backlit keyboard
Webcam มีความคมชัด HD 720p จะเปิดหรือปิดการใช้งานกล้องก็สามารถทำได้อย่างรวดเร็วด้วยปุ่มคีย์ลัด เพียงแค่กดปุ่ม F10 เท่านั้น กล้องก็จะหยุดการทำงานในทันที
รุ่นนี้เขาซ่อนลำโพงไว้ด้านล่าง พร้อมมอบประสบการณ์เสียงที่ดีด้วย Harmon/ Kardon บอกเลยว่าตอนแรกที่ลองเปิดเพลงแล้วคือแบบว่าเสียงดีกว่าที่คิดไว้เยอะมาก
แบตเตอรี่ 3-Cell Li-ion ถ้าใช้งานแบบประมวลผลไม่เยอะจะสามารถใช้งานได้ประมาณ 4 ชั่วโมง แต่ถ้าประมวลผลกราฟิกหรือทำงานหนักๆ ก็จะอยู่ได้ปรมาณ 2 ชั่วโมง ถึงอย่างนั้นก็ไม่ต้องเป็นห่วงไปเพราะชาร์จแค่ประมาณ 1 ชั่วโมงแบตก็เต็มแล้ว
โน้ตบุ๊คมาพร้อมกับการรับประกัน 2 ปี นอกจากนี้ยังสามารถซื้อประกันเพิ่มได้อีก 1 ปี โดยการนำใบเสร็จที่ซื้อผลิตภัณฑ์มาแสดงภายใน 180 วัน เพื่อขอซื้อแพคเก็จการขยายประกัน ASUS Premium Care
ผิวสัมผัสของตัวเครื่องเป็นแบบผิวด้าน ลูบแล้วเนียนกริ๊บ ลองถือด้วยมือเดียวก็ไม่หลุดมือนะ แต่ยังไงก็ควรระมัดระวังนิดนึง (ยังไม่พร้อมจะรีวิวการ Drop Test)
จะเห็นได้ว่าที่ขอบจอเครื่องจะมีร่องเล็กๆ อยู่ตรงกลาง ซึ่งนั้นไม่ได้ออกแบบมาเพื่อความสวยงามอย่างเดียว แต่จะช่วยให้สามารถเปิดได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องใช้นิ้วแงะหรืองัดขื้นมา
เวลาเปิดใช้งานก็ไม่ต้องกลัวว่าตรงขอบจอจะไปขูดกับพื้นหรือโต๊ะ เพราะว่าด้านล่างโน๊ตบุ๊คมียางรองอยู่ที่มุมทั้ง 4 ด้าน หายห่วงว่าขอบจอจะเป็นรอยได้เลย ที่สำคัญยางที่รองอยู่ด้านล่างโน๊ตบุ๊คนั้นมีความหนึบมาก ลองใช้มือขยับดูแล้วแทบจะไม่กระดิก
ชอบที่สามารถปรับความสว่างของแสงบนคีย์บอร์ดได้เนี่ยแหละ โดยปรับความสว่างได้ที่ปุ่ม F7 มีทั้งหมด 3 ระดับ หรือหากใครอยากจะปิดใช้งานเลยก็ได้ แต่ว่าแสงแต่ละระดับจะไม่ค่อยแตกต่างกันมากเท่าไหร่
ในส่วนของทัชแพด (Touchpad) ก็จะมีรูปแบบคำสั่งตามนี้
- แตะ 1 นิ้ว – คลิก
- แตะ 2 นิ้ว – คลิกขวา
- เลื่อนขึ้น-ลง 2 นิ้ว – เลื่อนขึ้น-ลง
- แตะ 3 นิ้ว – เปิด Search box ของ Windows
- ปัดขึ้น-ลง 3 นิ้ว – สลับหน้าจอ
- แตะ 4 นิ้ว – เปิดเมนูการตั้งค่า
โดยส่วนตัวก็รู้สึกว่าพอร์ตที่ให้มาก็เพียงพอกับการใช้งานโดยทั่วไป แต่ถ้าหากใครที่ต้องการพอร์ตเพิ่มก็สามารถต่อแยกได้ ซึ่งตัวพอร์ตต่อแยกรุ่นใหม่สมัยนี้จะเป็นพอร์ต USB Type-C ซึ่งโน๊ตบุ๊ดตัวนี้ก็มีอยู่แล้ว
ASUS VivoBook S413FQ (14) มีแถม Windows10 Home มาให้ด้วย สามารถเปิดแล้วใช้งานได้เลยไม่ต้องไปหามาลงเอง นอกจากนี้ยังมี Microsoft Office มาให้อีกด้วย แค่ login ก็สามารถใช้ได้ทันที
เวลาใช้งานไปเรื่อยๆ แบตเตอรี่ก็ลดเร็วอยู่เหมือนกัน ไม่แน่ใจว่าใช้งานเพลินหรือว่าใช้งานหนักไปกันแน่ แต่ในทางกลับกันก็ชาร์จแบตได้ไวมากเช่นกัน ประมาณ 1 ชั่วโมงก็เต็มแล้ว
ด้วยความบางและน้ำหนักของรุ่นนี้ สะดวกต่อการพกพามาก อะแดปเตอร์เองก็เบาแถมเล็กอีกด้วย บอกได้เลยว่ารุ่นนี้ค่อนข้างครบครันสำหรับการใช้งานอย่างแน่นอน ทั้งในส่วนของสเปค การพกพา
เป็นอย่างไรบ้างครับ กับโน๊ตบุ๊ค “ASUS VivoBook S413FQ (14)” โดยรวมผมว่าเรทราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับฟังก์ชั่นต่างๆ แต่การทำงานโดยรวมถือว่าดีเยี่ยม มี Windows10 มาให้เลย แถมยังสามารถใช้ Microsoft ได้อีกด้วย บอกเลยว่าคุ้ม!
ขอบคุณทุกท่านที่ตามอ่านจนจบบทความนี้ครับ คอมเม้นบอกเราได้ว่าตรงไหนไม่ละเอียดพอ เราจะหาข้อมูลมาตอบข้อสงสัยให้ครับ
ราคา : Core i5 – 23,990 บาท / Core i7 – 28,990 บาท
Shopee : Core i5 https://shopee.prf.hn/l/7OAvqJN
Shopee : Core i7 https://shopee.prf.hn/l/62DEMYV
Lazada : Core i5 https://bit.ly/2XGo4wD
ความคุ้มค่า : เรทราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับสเปคที่ได้ แต่มีแถม Windows10 มาให้ นอกจากนี้ยังสามารถใช้งาน Microsoft Office ได้ทันที ถือว่าคุ้มอยู่นะ
ความสวยงาม : สวยจริงไม่จกตา มี 3 สีให้เลือก สีดำ Indie Black สีเงิน Transparent Silver และสีทอง Hearty Gold
การตอบสนอง : การใช้งานโดยรวมดีงามสุดๆ แต่ว่าแบตอาจจะลดเร็วนิดหน่อย
การรับประกัน : รับประกัน 2 ปี